นโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัว



นโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของ บริษัท ฟ้าใส สตูดิโอ จำกัด (“บริษัท”) ใช้กับการดำเนินการของบริษัท โดยไม่คำนึงถึงช่องทางการเข้าถึงไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงผ่านการใช้บริการเว็บไซต์ http://www.fahsai.in.th/ และ แอพลิเคชั่น ฟ้าใส : เลขาส่วนตัว รวมถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่นๆ ของบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกรวมว่า “บริการฯ”) โดยนโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวได้กำหนดนโยบาย และวิธีการดำเนินการในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมหรือผู้ใช้บริการฯ (“ผู้ใช้”) ซึ่งรวมถึงผู้ใช้ที่ได้สมัครเป็นสมาชิกบริการฯ และผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกบริการฯ ซึ่งในนโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวนี้ (“นโยบาย”) จะชี้แจงรายละเอียดว่า ข้อมูลใดบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม และนำไปใช้ทำอะไร ทั้งนี้ โปรดอ่านนโยบายนี้ด้วยความละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากนโยบายนี้ชี้แจงว่าบริษัทได้ทำการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้อย่างไรบ้าง

ข้อมูลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม

1. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ อีเมล วันเดือนปี เกิด จังหวัดที่ลงทะเบียน ส่วนสูง น้ำหนัก การออกกำลังกาย เป็นต้น รวมถึงข้อมูลที่สืบเนื่องจากการใช้งานคำสั่ง เช่น ข้อมูลหรือภาพจากการบันทึกข้อความ บันทึกตำแหน่ง ข้อมูลแจ้งข้อผิดพลาด ข้อมูลการสอนบทสนทนา ข้อมูลแคลอรี่ ที่ผู้ใช้นำเข้า (อัพโหลด) หรือเผยแพร่ผ่านด้วยตนเอง โดยข้อมูลเหล่านี้ทำให้บริษัทสามารถปรับปรุงบริการ และให้บริการในรูปแบบและการใช้งานอื่นๆ เพิ่มเติมได้

นอกจากนี้ บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้จากการใช้บริการฯ องค์กรอื่น หรือแหล่งอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในกิจการของบริษัท รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการของบริษัท

ในกรณีที่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ ผู้ใช้ต้องดำเนินการแจ้งต่อบริษัท เพื่อให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้อง ทันสมัย สมบูรณ์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อบริษัท ถือว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ที่บริษัทควบคุมดูแลเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย และสมบูรณ์ โดยผู้ใช้สละสิทธิในการโต้แย้งหรือดำเนินการทางกฎหมายต่อบริษัทต่อความไม่ถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

ในกรณีที่ผู้ใช้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นแก่บริษัท ผู้ใช้มีหน้าที่ต้องแจ้งบุคคลนั้นให้ทราบเกี่ยวกับบริการ ตลอดจนการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่จะส่งข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวให้แก่บริษัท และต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้น หรืออาศัยฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นอันเป็นข้อยกเว้นของความยินยอม และแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบถึงนโยบายนี้ 

2. ข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมอัตโนมัติ

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เช่น เวลาเข้าใช้ (Access Time) ความเคลื่อนไหวของผู้ใช้ภายในบริการ ระยะเวลาที่ผู้ใช้อยู่ในระบบ หมายเลขอุปกรณ์ (Device ID) หรือหมายเลขประจำเครื่องอื่นๆ (Unique Identifier) เลขที่อยู่ไอพี (IP Address)  ข้อมูลภาษา ชื่ออุปกรณ์และรุ่น ข้อมูลระบบปฏิบัติการ สถานที่และเขตเวลา ข้อมูลตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น

การใช้ข้อมูล

บริษัทใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้ หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวผู้ใช้เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้บริการของบริษัทได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย ดังต่อไปนี้

  • เพื่อให้บริการ หรือปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่มีต่อผู้ใช้
  • เพื่อตอบสนองคำร้องขอของผู้ใช้ สื่อสารกับผู้ใช้ ดำเนินการให้บริการลูกค้า และให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค
  • เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้ และป้องการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือผิดกฎหมาย
  • เพื่อป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำอื่น ๆ ที่อาจเป็นการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย
  • เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ที่บริษัทมีต่อหน่วยงานที่มีอำนาจควบคุม หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันตามกฎหมายของบริษัท
  • เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น หรือของนิติบุคคลอื่น
  • เพื่อป้องกัน หรือหยุดยั้งอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลหนึ่งบุคลลใด
  • เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการทำหน้าที่เพื่อสาธารณประโยชน์ให้สำเร็จลุล่วง หรือเป็นการจำเป็นเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายที่บริษัทได้รับสิทธิในการดำเนินการ
  • เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการเตรียมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้นคว้า หรือสถิติโดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอเหมาะสม

นอกจากนี้ บริษัทใช้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้ หรือข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวผู้ใช้เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการใช้บริการ ตามที่ผู้ใช้เลือกให้ความยินยอม ดังต่อไปนี้

  • เพื่อปรับปรุงบริการฯ ของบริษัท และตอบสนองต่อความต้องการ และความพึงพอใจของผู้ใช้ รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการค้นคว้า และการวิเคราะห์อื่นๆ โดยการศึกษาและทำความเข้าใจการเข้าถึงบริการและใช้บริการฯ ของบริษัท
  • เพื่อเสนอและให้สินค้า บริการ ส่วนลด หรือโปรโมชั่นจากบริษัท และ/หรือบริษัทในเครือ และคู่ค้าของบริษัท
  • เพื่อวิเคราะห์ ทำการตลาด และทำการโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงปรับปรุงการให้บริการและข้อเสนอส่งเสริมการขายให้ทันสมัยยิ่งขึ้น

หากผู้ใช้ไม่ให้ข้อมูลของผู้ใช้กับบริษัท หรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน บริษัทอาจไม่สามารถอำนวยความสะดวก ติดต่อสื่อสาร หรือให้บริการของบริษัทบางส่วน หรือทั้งหมดแก่ผู้ใช้ได้

การแบ่งปันข้อมูล

บริษัทอาจเปิดเผย และ/หรือ โอนข้อมูลของผู้ใช้ให้กับบุคคลดังต่อไปนี้ซึ่งอยู่ในประเทศไทย และ/หรือต่างประเทศ ซึ่งประเทศเหล่านั้นอาจมี หรือไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลที่เพียงพอคล้ายคลึงกับมาตรการคุ้มครองข้อมูลของประเทศไทย

  1. บริษัทในเครือและบริษัทสาขา
    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลที่เก็บรวบรวมให้แก่บริษัทในเครือและบริษัทสาขาของบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายนี้
  2. ผู้ให้บริการ
    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมให้กับผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้าของกิจการ ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้างตามสัญญา หรือตัวแทนที่ปฏิบัติหน้าที่ในนามของบริษัท
  3. การโอนหรือควบรวมกิจการ
    บริษัทอาจโอนข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมให้กับบริษัทอื่นโดยเกี่ยวเนื่องกับ หรือในระหว่างการเจรจาเพื่อทำการควบรวม ขายทรัพย์สิน การกู้เงิน หรือการเข้าถือครองทั้งหมด หรือส่วนใดส่วนหนึ่งในกิจการของบริษัท
  4. บุคคลภายนอก และคู่ค้า
    บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลกับคู่ค้าของบริษัทที่เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงบรรดาผู้ลงโฆษณาและผู้ทำการวิจัย
  5. การดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย การดำเนินคดีทางศาล คำสั่งศาล หมายเรียก หรือกระบวนการทางกฎหมายอื่นๆ 
  6. การปกป้องบริษัทและบุคคลอื่น ๆ
    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลได้หากบริษัทเชื่อว่าเป็นการจำเป็นเพื่อการสอบสวน ป้องกัน หรือจัดการต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นการฉ้อโกง สถานการณ์ที่อาจเป็นการข่มขู่คุกคามต่อความปลอดภัยของบุคคลใด การฝ่าฝืนข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการของบริษัท หรือนโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวนี้ หรือเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีที่บริษัทมีความเกี่ยวข้อง
  7. ข้อมูลภาพรวม หรือข้อมูลที่ไม่มีลักษณะบ่งชี้ตัวบุคคล
    บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลภาพรวม หรือข้อมูลที่ไม่มีลักษณะบ่งชี้ตัวบุคคลเกี่ยวกับผู้ใช้ให้กับบุคคลภายนอกเพื่อทำการตลาด ทำการโฆษณา ทำการวิจัย หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่คล้ายกัน
  8. ผู้ใช้อื่นๆ
    บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ให้ผู้ใช้อื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ ในกรณีที่เป็นส่วนหนึ่งของบริการฯ ของบริษัท

การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล

โดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ไว้เท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการให้บริการของบริษัท และ/หรือ ภาระผูกพันต่างๆ เท่าที่จำเป็นตามสมควรตามวัตถุประสงค์ที่ได้ชี้แจงไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยบริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลที่บริษัทมีเหตุอันควรเชื่อว่าอาจเป็นข้อพิพาท/คดีความ ตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้ทำได้ ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดให้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้โดยมิชอบ และบริษัท จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของผู้ใช้ได้เมื่อหมดความจำเป็น

การใช้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์

เนื่องความสามารถหลักของแอปพลิเคชัน ฟ้าใส:เลขาส่วนตัว คือการเป็นเลขาส่วนตัวที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการในด้านต่างๆ ซึ่งในความสามารถเหล่านั้น มีความจำเป็นต้องเข้าถึงอุปกรณ์ส่วนต่างๆตามลักษณะงานดังต่อไปนี้

  • การขอสิทธิ์การเข้าถึงตำแหน่งของอุปกรณ์นี้ (Foreground and background location)
    แอปพลิเคชัน ฟ้าใส:เลขาส่วนตัว มีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง ทั้งในแบบเบื้องหน้า และเบื้องหลัง เพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถเรียกตำแหน่งปัจจุบันของผู้ใช้บริการมาใช้ในการประมวลผล เช่น การใช้งานคำสั่งพยากรณ์อากาศ , คำสั่งคุณภาพอากาศ , คำสั่งบันทึกตำแหน่ง เป็นต้น สำหรับการเข้าถึงตำแหน่งเบื้องหลัง เช่น การแจ้งเตือนสภาพอากาศ , การแจ้งเตือนสภาพการจราจร , การแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ เป็นต้น ซึ่งการแจ้งเตือนต่างๆ นี้สามารถทำงานได้แม้ผู้ใช้บริการจะทำการปิดแอปพลิเคชัน ดังนั้นแอปพลิเคชันจึงต้องมีการขอเข้าถึงตำแหน่ง ทั้งในแบบเบื้องหน้า และเบื้องหลัง ทั้งนี้ บริษัทอาจจะใช้ข้อมูลนี้ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อแสดงโฆษณา หรือ สนับสนุนโฆษณา ในรูปแบบต่างๆ เช่น การแจ้งเตือน , ข้อความโฆษณา หรือ Banner
  • รายชื่อ
    เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลใน Contact เพื่อใช้การค้นหาชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ เมื่อผู้มีการสั่งงานใน คำสั่งโทรหา... , ค้นหาเบอร์ของ...
  • โทรและจัดการการโทร
    เพื่อใช้ในการโทรออก เมื่อผู้มีการสั่งงานใน คำสั่งโทรหา...
  • ปฎิทิน
    เพื่อใช้ในการแจ้งเตือนนัดหมายต่างๆ
  • ถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอ
    เพื่อใช้ในคำสั่ง Scan QR Code และ คำสั่งถ่ายรูป
  • เข้าถึงรูปภาพ สื่อ และไฟล์ในอุปกรณ์
    เพื่อให้ผู้ใช้สามารถระบุรูปภาพสำหรับในส่วนของการแจ้งปัญหาการใช้งาน และเพิ่มข้อมูลแคลอรี่
  • บันทึกเสียง
    เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานไมค์โครโฟนในการสั่งงานด้วยเสียงได้
  • การให้แอพลิเคชั่นปรากฎด้านบนสุด
    เพื่อให้คำสั่งนาฬิกาปลุก สามารถทำงานได้เป็นปกติเมื่อถึงเวลาปลุก

การใช้สิทธิ์สิทธิในการเก็บและใช้ข้อมูลเกี่ยวกับ Location

แอปพลิเคชันมีความจำเป็นต้องใช้สิทธิ์เข้าถึงตำแหน่ง เพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถทำงานได้ ในการเข้าถึงตำแหน่งเบื้องหน้า (Foreground location) เช่น การใช้งานคำสั่งพยากรณ์อากาศ , คำสั่งคุณภาพอากาศ , คำสั่งบันทึกตำแหน่ง เป็นต้น สำหรับการเข้าถึงตำแหน่งเบื้องหลัง (Background location) เช่น การแจ้งเตือนสภาพอากาศ , การแจ้งเตือนสภาพการจราจร , การแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ เป็นต้น ซึ่งการแจ้งเตือนต่างๆ นี้สามารถทำงานได้แม้ผู้ใช้บริการจะทำการปิดแอปพลิเคชัน ดังนั้นแอปพลิเคชันจึงต้องมีการขอเข้าถึงตำแหน่ง ทั้งในแบบเบื้องหน้า และเบื้องหลัง

แอปพลิเคชันสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ถ้าผู้ใช้บริการบอกสถานที่ปัจจุบันของผู้ใช้บริการ (เช่น ใช้อุปกรณ์มือถือที่มี GPS system) บริษัทอาจจัดเก็บและใช้ข้อมูลพื้นที่ของผู้ใช้บริการ เพื่อการทำงานในคำสั่งต่างๆดังที่ได้กล่าวมาในข้างต้น และในการโฆษณา โดยบอกที่อยู่ของผู้ใช้บริการกับบุคคลที่สาม ในกรณีที่ผู้ใช้เปิดการใช้งานบริการ GPS system ให้ถือว่าผู้ใช้บริการให้ความยินยอมกับบริษัทในการเก็บรวบรวมและประมวลผลสถานที่ปัจจุบันของผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใช้บริการต้องการปกปิดข้อมูลนี้ผู้ใช้บริการสามารถติดตั้งโปรแกรมหรือปิด GPS บนโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้บริการได้

การแจ้งข่าวสาร/การแจ้งเตือน

บริษัทอาจส่งการแจ้งข่าวสาร หรือการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าการเปิด หรือปิดการรับข้อความเหล่านี้ได้ไม่ว่าในเวลาใด โดยการตั้งค่าการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ของผู้ใช้ หรือโดยการเปลี่ยนการตั้งค่าบนบริการฯ

สิทธิของเจ้าของข้อมูล

ภายใต้บังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้อาจมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ใช้มีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ใช้ได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้อยู่กับบริษัท อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้ถอนความยินยอมของผู้ใช้ บริษัทอาจไม่สามารถอำนวยความสะดวก ติดต่อสื่อสาร หรือให้บริการบางส่วนหรือทั้งหมดแก่ผู้ใช้ได้
  2. ผู้ใช้มีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้
  3. ผู้ใช้มีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
  4. ผู้ใช้มีสิทธิที่จะร้องขอให้บริษัทลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ในบางกรณี ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  5. ผู้ใช้มีสิทธิที่จะร้องขอให้บริษัทให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ หรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้นั้นไปยังองค์กรอื่น
  6. ผู้ใช้มีสิทธิที่จะคัดค้าน หรือยับยั้งไม่ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในบางกรณี ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  7. ผู้ใช้มีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหากเชื่อว่าบริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย

ผู้ใช้สามารถใช้สิทธิเหล่านี้ได้โดยการติดต่อบริษัทตามรายละเอียด ช่องทางการติดต่อ ตามที่ระบุไว้ในภายหลังนี้

นโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของแหล่งข้อมูลอื่น

นโยบายคุ้มครองความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งานแอพลิเคชั่นของบริษัทเท่านั้น หากผู้ใช้ได้กด link ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น หรือเข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์อื่น (แม้จะผ่านช่องทางในแอพลิเคชั่นของบริษัทก็ตาม) ผู้ใช้จะต้องถูกกำกับและปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ปรากฏในเว็บไซต์นั้นๆ แทน

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว บริษัทจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบด้วยการ update ข้อมูลลงในบริการฯ ของบริษัทโดยเร็วที่สุด เมื่อมีความจำเป็น บริษัทจะขอความยินยอมจากผู้ใช้สำหรับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

การติดต่อเรา

ที่อยู่สำนักงาน : 129 อาคารกลอรี่เฮ้าส์ ชั้นที่ 5 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
E-mail : superneopu@gmail.com

การเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายนี้

นโยบายฉบับนี้เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่มีผลบังคับใช้ตามที่ระบุข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขนโยบายนี้เป็นครั้งคราว ดังนั้น โปรดตรวจสอบนโยบายนี้เป็นระยะ